เทคนิคเลือกซื้อเตารีด รีดสบาย ผ้าเรียบ ไม่เปลืองแรง
เสื้อผ้าเรียบๆ ไร้รอยยับ ช่วยเสริมบุคลิกภาพได้ แต่หลายคนขี้เกียจรีดผ้า เพราะรู้สึกว่าเป็นงานที่หนัก ต้องนั่งหลังขดหลังแข็ง รีดผ้าทีละตัวๆ บางครั้งรีดไปก็เป็นรอย ผ้าย่น หรือเลอะคราบสกปรก ต้องเสียเวลามานั่งรีดนั่งทำความสะอาดกันใหม่ เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ OfficeMate มีเทคนิคการเลือกซื้อเตารีดที่จะช่วยให้การรีดผ้าของคุณง่ายขึ้น ไปดูกันเลย!
จะเลือกซื้อเตารีด อันดับแรกต้องรู้จักประเภทของเตารีดกันก่อน ซึ่งเตารีดแต่ละประเภทก็มีข้อดีและข้อด้อยแตกต่างกันออกไป
เตารีดแห้งเป็นเตารีดรุ่นคลาสสิค ในสมัยก่อนเตารีดแห้งมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ รีดยาก และเปลืองแรง แต่ในปัจจุบันก็ได้ปรับปรุงให้เตารีดแห้งน้ำหนักเบาลง ถือใช้งานได้ง่ายขึ้นไม่เปลืองแรงมาก เตารีดแห้งใช้งานง่าย เพียงเสียบปลั๊กแล้วปรับอุณหภูมิ รอให้ร้อนสักนิดก็สามารถรีดผ้าได้ทันที แต่ต้องอาศัยกระบอกน้ำฉีดพรมผ้าก่อนรีด เพื่อช่วยให้เส้นใยผ้าคลายตัว จะช่วยให้รีดได้เรียบยิ่งขึ้น
เตารีดไอน้ำพัฒนามาจากเตารีดแห้ง มีช่องใส่น้ำในตัวสำหรับพ่นละอองน้ำคลายเส้นใยผ้า ถือว่าช่วยประหยัดอุปกรณ์ ไม่ต้องใช้กระบอกฉีดน้ำแยก ซึ่งควรเลือกเตารีดไอน้ำแบบใส จะมองเห็นระดับน้ำภายในกระบอกได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังของการใช้เตารีดไอน้ำ คือ ต้องคอยทำความสะอาดเพื่อเช็ดคราบตะกรันน้ำออก (น้ำบางยี่ห้อเมื่อถูกความร้อนจะเกิดตะกรันน้ำสีขาว ซึ่งเกิดจากเกลือและแร่ธาตุต่างๆ ที่อยู่ในน้ำ) ป้องกันไม่ให้รูพ่นน้ำอุดตันหรือเกิดคราบสกปรกที่เสื้อผ้าขณะรีด แต่ตอนนี้เตารีดบางยี่ห้อมีระบบกำจัดตะกรันน้ำในตัว ช่วยให้ดูแลรักษาง่ายขึ้น
เตารีดไอน้ำแบบยืน รูปทรงจะคล้ายคลึงกับเครื่องดูดฝุ่น มีหัวพ่นละอองน้ำที่ปลายเตารีด มาพร้อมราวสำหรับแขวนผ้าที่มีฐานเป็นถังบรรจุน้ำ การใช้งาน คือ แขวนผ้าเอาไว้ที่ราว แล้วใช้เตารีดไอน้ำค่อยๆ ถูลงตามเนื้อผ้า แรงดันของไอน้ำที่ปล่อยออกมาจะช่วยให้รอยยับบนผ้าคลายตัว ช่วยให้ผ้าเรียบได้โดยไม่ต้องใช้แรง เหมาะสำหรับใช้รีดเสื้อเชิ้ต เสื้อสูท ผ้าชีฟอง ชุดเดรส แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับชุดนักเรียน หรือชุดที่ต้องรีดแบบจับจีบ
เตารีดไอน้ำขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ไม่ต้องใช้ที่รองรีด เหมาะสำหรับสายออกทริป หรือคนที่ต้องเดินสายทำงานต่างจังหวัด/ต่างประเทศบ่อยๆ ควรมีติดไว้ เหมาะสำหรับเป็นเตารีดพกพาหรือใช้ในยามฉุกเฉิน ไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นเตารีดหลักในบ้าน
กำลังไฟของเตารีด ปกติ 1,200 -1,600 วัตต์ ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานในครัวเรือน แต่ถ้าบ้านไหนมีสมาชิกครอบครัวเยอะ ต้องรีดผ้าครั้งละหลายๆ ตัว อาจเลือกเตารีดกำลังไฟสูง 2,000 วัตต์ จะร้อนเร็วกว่า ช่วยประหยัดเวลาในการรีดผ้าลงได้
ผ้าจะเรียบหรือไม่เรียบ ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ใช้ ผ้าบางชนิดต้องใช้ความร้อนสูงในการทำให้ผ้าเรียบ แต่ผ้าบางชนิดหากใช้ความร้อนสูงเกินไป ก็อาจทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้ จึงควรเลือกซื้อเตารีดที่สามารถปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ เพื่อที่จะสามารถเลือกอุณหภูมิให้เหมาะสมกับเนื้อผ้าได้ หรือถ้าจะให้ง่ายขึ้นอีก เตารีดบางยี่ห้อจะมีชื่อของเนื้อผ้ากำกับเอาไว้ แค่หมุนที่ปรับอุณหภูมิให้ตรงกับเนื้อผ้านั้นๆ ก็สามารถรีดได้อย่างสบายใจ
หากคุณเคยรีดผ้าแล้วเสื้อเกิดรอยยับย่นไปตามแนวเตารีด นั่นแปลว่าเตารีดของคุณอาจจะไม่มีสารเคลือบหน้าเตารีด หรือใช้สารเคลือบที่ไม่ได้มาตรฐาน เวลารีดจะค่อนข้างฝืด รีดยาก ต้องออกแรงเยอะ และอาจทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้ เวลาเลือกซื้อเตารีด จึงควรเลือกเตารีดที่หน้าเตาทำมาจากสเตนเลสหรืออลูมิเนียม และมีสารเคลือบหน้าเตาแบบนอนสติ๊ก (Non-Stick) เช่น เทฟลอน, อีนาเมล หรือเซรามิก จะช่วยให้รีดง่ายขึ้น ไม่ต้องออกแรงเยอะ และไม่ทำให้เนื้อผ้าเสียหาย
เตารีดหนักๆ ช่วยกดให้ผ้าเรียบได้ดีกว่า แต่ก็เปลืองแรงกว่าเช่นกัน หากใช้เตารีดที่หนักมากๆ รีดเสร็จอาจทำให้ปวดแขน ปวดไหล่ หรือปวดหลังได้ ถ้าต้องการเตารีดแห้ง แนะนำให้ไปลองยกเตารีดเพื่อดูน้ำหนักที่พอยกไหว แล้วเลือกที่กำลังไฟสูงๆ แทน หรือถ้าอยากได้เตารีดไอน้ำก็ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนัก เพราะการพ่นละอองน้ำจะช่วยคลายเส้นใยผ้าให้รีดเรียบได้ดีอยู่แล้ว
ความยาวสายไฟช่วยให้การรีดผ้าสะดวกขึ้น เพราะคุณสามารถวางที่รองรีดตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งหรือยืนรีดผ้าติดกับปลั๊กไฟตลอดเวลา สามารถวางบนเตียงนอน รีดไปดูทีวีไป แต่อย่าดูเพลินจนลืม ปล่อยให้ผ้าไหม้ไม่รู้ตัวนะคะ
ไม่ว่าจะชอบเตารีดแห้ง หรือเตารีดไอน้ำ อีกหนึ่งสิ่งสำคัญ คือ ซื้อเตารีดกับแบรนด์ที่ไว้ใจได้ นอกจากเรื่องของคุณภาพแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
เข้ามาช้อปเตารีดจากหลากหลายแบรนด์ดัง คุณภาพดี มีประกันสินค้า ช้อปได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่เว็บไซต์ OfficeMate ช้อปวันนี้ ส่งฟรี! เมื่อสั่งซื้อครบ 499 บาท
Leave A Comment