หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนคุ้มค่าที่สุด - รุ่นไหนดี
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น หรือ Robot Vacuum Cleaner เป็นอุปกรณ์ดูดฝุ่นที่สามารถเก็บกวาดฝุ่นบนพื้นผิวบ้านได้จริง ถึงแม้จะไม่สามารถดูดฝุ่นได้ครบทุกซอกทุกมุมหรือรวดเร็วเท่ามนุษย์
แต่ข้อดีที่สำคัญที่สุดของเครื่องดูดฝุ่นแบบหุ่นยนต์ คือ มันสามารถทำงานได้ด้วยตัวเองโดยที่เราไม่ต้องเปลืองแรง และที่สำคัญมันยังสามารถดูดฝุ่นได้โดยไม่ผัดวันประกันพรุ่ง (หรืออารมณ์เสีย)
จากการค้นคว้าข้อมูลจากรีวิวในไทยและต่างประเทศอย่างละเอียด รวมทั้งสังเกตความเห็นจาก Pantip เพื่อเปรียบเทียบตัวเลือกที่มีวางขายในไทย เราเชื่อว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Ecovacs Deebot N79T ที่สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi สั่งการผ่านสมาร์ตโฟน และชาร์จแบตเตอรี่ด้วยตัวเองได้นี้ เป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ (อ่านต่อด้านล่าง)
แต่ถ้าคุณต้องการหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่สามารถใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ และงบประมาณไม่ใช่ปัญหาของคุณ เราคิดว่าคุณควรลงทุนซื้อ iRobot Roomba 980 ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นรุ่นที่ดีที่สุดในช่วงราคาเดียวกัน
สิ่งที่จะได้เพิ่มขึ้นมา คือ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีระบบนำทางที่ฉลาดขึ้น แรงดูดที่มากกว่า อายุแบตเตอรี่ที่สามารถทำงานได้ต่อเนื่องถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงการทำความสะอาดที่ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพกว่าโดยเฉพาะในพื้นที่ขนาดใหญ่
หมายเหตุ: เพื่อการรับประกันในการใช้งานที่ดีกว่า เราแนะนำให้ซื้อจาก official store ของทั้ง Ecovacs และ iRobot
การทดสอบจำนวนมากได้ยืนยันแล้วว่ามันสามารถดูดฝุ่นได้จริง และผู้ใช้งานจำนวนมากที่เราได้พูดคุยต่างบอกว่าพอใจกับความสะดวกสบายและความสะอาดที่ได้ ถึงแม้บางคนจะรู้สึกว่ามันทำงานได้ไม่ทั่วถึงเท่าการดูดฝุ่นด้วยตัวเอง
เราเชื่อว่าน้อยคนนัก (โดยเฉพาะในกลุ่มทีมงานของเรา) ที่จะสามารถกวาดบ้านหรือดูดฝุ่นได้มากกว่า 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และถึงแม้หลายคนอาจรู้สึกว่า การดูดฝุ่นด้วยตัวเองนั้นทั่วถึงกว่า แต่ในความจริง มันยากมากที่จะทำความสะอาดให้ได้ครบถ้วนเท่ากับการปล่อยให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง
ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลา หรือ แค่ไม่ชอบการดูดฝุ่น การลงทุนซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะทำให้บ้านของคุณสะอาดขึ้นและมีความสุขที่ได้เวลากลับคืนมาหลายชั่วโมงต่อสัปดาห์ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นในปัจจุบันไม่ต้องอาศัยการตั้งค่าที่ยุ่งยากเหมือนในสมัยก่อน คุณสามารถกดปุ่มเพียง 1-2 ขั้นตอนและปล่อยให้มันเริ่มทำงานเท่านั้น
ในปัจจุบัน คุณสามารถซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ใช้งานได้ดี ในราคาที่ถูกกว่าเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปที่คุณต้องออกแรงทำความสะอาดเอง นอกจากมันจะดูดฝุ่นใต้โต๊ะและโซฟาได้ดีแล้ว หากคุณเลี้ยงสุนัขหรือแมวไว้ในบ้าน เราเชื่อว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณมากเป็นพิเศษ
ความสะดวกและความสม่ำเสมอนี้ เป็นเหตุผลหลักที่เราคิดว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในราคาที่เหมาะสม ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมากสำหรับคนที่ชอบอยู่บ้าน
ถึงแม้เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะจะทำงานได้บนหลายพื้นผิวในปัจจุบัน หุ่นยนต์ดูดฝุ่นส่วนใหญ่ยังมักจะพบปัญหาเมื่อต้องทำงานบนพรมสีดำ ซึ่งเซ็นเซอร์ตรวจจับพื้นผิวได้ยาก คล้ายกับที่เป็นปัญหากับเม้าส์ไร้สายบางรุ่น
สิ่งที่คุณต้องระวัง คือ สายไฟ สายชาร์จโทรศัพท์ อุจจาระของสัตว์เลี้ยง และหมากฝรั่ง ซึ่งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแทบทุกรุ่นจะเกิดปัญหาเมื่อวิ่งผ่านวัตถุเหล่านี้
ล้อเล็ก ๆ ของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเหล่านี้ยังไม่สามารถขึ้นลงบันไดหรือเดินผ่านพื้นที่มีระดับต่างกันมากๆ ได้ ดังนั้นสำหรับบ้าน 2 ชั้น เราอาจต้องเสียเวลาย้ายมันขึ้น-ลงบ้าง แต่เราไม่ต้องกังวลว่ามันจะจดจำแผนที่ของแต่ละชั้นสลับกัน เพราะหุ่นยนต์ดูดฝุ่นส่วนใหญ่จะเริ่มวิเคราะห์เส้นทางการทำความสะอาดใหม่ในทุกครั้ง
หลายคนที่มีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอยู่ที่บ้าน (โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้การเคลื่อนที่แบบ bump and run) อาจเคยพบว่ามันเดินสะเปะสะปะ ย้อนไปย้อนมา และดูไม่ฉลาดอย่างที่แต่ละยี่ห้อโฆษณา
เราแนะนำว่าคุณไม่ควรนั่งจ้องดูหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานเพราะนอกจากจะทำให้คุณรำคาญแล้ว ข้อสำคัญของการใช้งานหุ่นยนต์พวกนี้ คือ การปล่อยให้มันทำงานจนครบวงจรเพื่อที่คุณจะได้ไปทำอย่างอื่นอย่างมีความสุข หากคุณมีเวลาเหลือ คุณอาจขยับเฟอร์นิเจอร์เพื่อหลีกทางให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานได้ง่ายขึ้น และคอยเทเศษผงเมื่อถังเก็บฝุ่นเต็มเท่านั้น
นอกจากนั้น เราแนะนำว่าคุณควรปล่อยให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานในเวลาที่คุณไม่อยู่บ้าน เพราะถึงแม้หุ่นยนต์หลายรุ่นจะมีเสียงเบากว่าสมัยก่อนมาก แต่มันก็ยังอยู่ในระดับที่รบกวนสมาธิของคุณเมื่อต้องอยู่ในห้องเดียวกันเป็นเวลานาน ๆ
สำหรับคนที่ต้องการหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ใช้งานได้ดี เราเชื่อว่า Ecovacs Deebot N79T เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะนอกจากมันจะทำงานขั้นพื้นฐานได้ดีแล้ว มันยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่มากกว่ารุ่นอื่น ๆ ในราคาไล่เลี่ยกัน โดยเฉพาะการกำหนดเวลาทำงานและควบคุมการทำงานผ่าน Wi-Fi ด้วยสมาร์ตโฟน
Deebot N79T นั้นเป็นโมเดลเดียวกับ N79S ที่มีวางขายในต่างประเทศ ซึ่งหลายรีวิวแนะนำว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในช่วงราคา 5,000 – 10,000 บาท
ถึงแม้คุณจะยังได้ยินเสียงขณะที่ N79T กำลังทำงาน แต่ด้วยความดังราว 65 เดซิเบล มันยังถือว่าเงียบกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอีกหลายรุ่น
ตามข้อมูลการเปรียบเทียบของเว็บไซต์ Smart Robot Reviews ขณะที่แบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion นั้นใช้งานได้ราว 100 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ใช้เวลาชาร์จครั้งละ 2-3 ชั่วโมง) ซึ่งทำได้ดีกว่าหลายรุ่นในราคาใกล้เคียงกัน
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นของ Ecovacs รุ่นนี้มีปุ่มเปิดการใช้งานในโหมด auto อยู่ด้านบนตัวเครื่อง พร้อมกับไฟแสดงสัญญาณเชื่อมต่อ Wi-Fi ขณะที่ในส่วนของการทำความสะอาด N79T ใช้แปรงแบบโรลเลอร์หนึ่งอัน พร้อมกับแปรงปัดหมุดทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง โดยมีถังเก็บฝุ่นอยู่ที่ด้านหลัง
เช่นเดียวกับเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะในตระกูล Deebot หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่น N79T มีดีไซน์ทรงกลมที่เรียบง่าย มันมีเส้นผ่านสูงกลางยาว 13.9 นิ้ว และความสูง 3.3 นิ้ว ที่ทำให้มันสามารถเข้าไปทำความสะอาดใต้ตู้โต๊ะและโซฟาได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังทำงานได้ดีบนพื้นไม้ กระเบื้องยาง และแม้แต่พื้นพรม
ด้วยแรงดูด 1,000 pa ทำให้มันสามารถเก็บเศษผงและขนแมวได้อย่างดี นอกจากนี้มันยังสามารถตรวจจับพรมด้วยเซนเซอร์และเพิ่มแรงดูดอัตโนมัติ
คุณสามารถใช้รีโมทคอนโทรลที่แถมมาให้ในการเลือกโหมดการใช้งาน ควบคุมทิศทางการเดิน และตั้งเวลาได้ แต่จุดเด่นในการใช้งานของ N79T นั้นอยู่ที่การควบคุมผ่านแอปบนสมาร์ตโฟนผ่าน Wi-Fi (คุณสามารถใช้คำสั่งเสียงได้ผ่าน Amazon Echo หรือ Google Assistant)
ในการติดตั้งเริ่มต้น คุณจะต้องโหลดแอป Ecovacs มาใช้งานเพื่อเชื่อมต่อN79T เข้ากับเครือข่าย Wi-Fi หลังจากเลือกรุ่นที่ต้องการติดตั้ง ตัวแอปจะช่วยคุณติดตั้งได้อย่างไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องใช้ Wi-Fi ในย่านความถี่ 2.4 GHz ในการเชื่อมต่อกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้ (ซึ่งเป็นความถี่มาตรฐานของ Wi-Fi ตามบ้านส่วนใหญ่) เนื่องจากมันยังไม่รองรับย่านความถี่ 5 GHz
หลังจากเชื่อมต่อกับแอปได้สำเร็จ คุณสามารถตั้งชื่อ เรียกดูสถานะการทำงาน เช็คระดับแบตเตอรี่ ได้จากสมาร์ตโฟน รวมทั้งยังมีแถบควบคุมทิศทางบนกลางหน้าจอที่คุณสามารถขับหุ่นยนต์ได้ตามต้องการ รวมถึงปุ่ม recharge ซึ่งจะสั่งหุ่นยนต์ให้เดินกลับไปชาร์จแบตเตอรี่ที่ด็อค (dock)
N79T มาพร้อมกับโหมดการทำงานหลายแบบ เช่น auto, edge, spot และ single room ให้เลือกได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้คุณยังสามารถดูอายุการใช้งานของแปรงปัดฝุ่นและฟิลเตอร์ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ เมื่อมันพบปัญหาดูดสิ่งของขนาดใหญ่เข้าไปติดช่องทำความสะอาด มันก็จะสามารถส่งเสียงเตือน พร้อมกับส่งสัญญาณมาแจ้งที่แอปบนมือถือได้
สิ่งที่คุ้มค่าที่สุดในความเห็นของเราในการลงทุนซื้อ N79T คือ ฟังก์ชั่นในการเลือกวันและเวลาที่คุณต้องการให้มันทำงานโดยอัตโนมัติ ประกอบกับความสะดวกที่สามารถสั่งการผ่านสมาร์ตโฟนได้ ถึงแม้เราคิดว่ามันจะดียิ่งกว่านี้ถ้ามันสามารถมีเสียงที่เบาและเคลื่อนที่ได้มีประสิทธิภาพกว่านี้
แต่เราเชื่อว่าด้วยราคาราว 7-8.5 พันบาท เมื่อเทียบกับฟังก์ชั่น ความสะดวก และคุณภาพการใช้งานที่ได้ ทำให้มันยังถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคนที่ต้องการทดลองใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่จะมีอายุการใช้งาน 1-3ปี โดยไม่รู้สึกเสียดายเงิน
สำหรับคนที่ใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอยู่เป็นประจำและต้องการทำความสะอาดพื้นที่ขนาดใหญ่ เราเชื่อว่า Roomba 980 เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ดีและคุ้มค่าที่สุด ถึงแม้จะมีราคาสูงถึงเกือบ 4 หมื่นบาท
การเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในปัจจุบันนั้นแตกต่างจากเมื่อ 3-4 ปีก่อนค่อนข้างมาก เนื่องจากในอดีต ในช่วงที่ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเพิ่งได้รับความนิยมใหม่ ๆ หลายยี่ห้อยังคงใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่แหล่งผลิตจากที่เดียวกัน (เช่น Eufy 11 และ EcoVacs Deebot N79)
แต่ในปัจจุบัน ยี่ห้อชั้นนำส่วนใหญ่ได้พัฒนาและผลิตชิ้นส่วนด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้ความแตกต่างระหว่างแต่ละยี่ห้อชัดเจนยิ่งขึ้น
iRobot Roomba เป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ในตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่น และยังคงเป็นแบรนด์ที่หลายคนไว้วางใจ และหนึ่งในหุ่นยนต์รุ่นท็อปที่เว็บไซต์หลายแห่งในต่างประเทศแนะนำ ได้แก่ Roomba 980 ซึ่งสิ่งที่คุณจะได้มากกว่า Deebot N79T ที่เราแนะนำ คือ คุณภาพในการเคลื่อนที่และทำความสะอาดที่ดีกว่า
นอกจากความสามารถในการดูดฝุ่นด้วยความแรง 1700 pa ซึ่งการทดสอบของเว็บไซต์ Robotics Review ระบุว่าทำได้ดีกว่ารุ่นอื่น ๆ แล้ว อายุแบตเตอรี่ที่นานถึง 2 ชั่วโมงยังทำให้มันไม่ต้องหยุดพักบ่อย ๆ
นอกจากนี้ เช่นเดียวกับเครื่องรุ่นใหม่ ๆ iRobot Roomba 980 สามารถจดจำพื้นที่ที่ทำความสะอาดไปแล้วได้ ทำให้มันสามารถเคลื่อนกลับไปชาร์จไฟและกลับมาทำงานต่อได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องเริ่มงานใหม่ทั้งหมด
รีวิวของเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ในต่างประเทศหลายแห่ง ยกให้ Roomba 980 เป็นรุ่นที่ดีที่สุด ด้วยประสิทธิภาพในการทำความสะอาด และความคงทนที่สามารถใช้งานได้ดีกว่า นอกจากนี้มันยังมีโอกาสเดินติดขัดน้อยกว่ารุ่นอื่น ๆ ในการทดสอบของหลายเว็บไซต์รวมทั้งผู้ใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้บน Pantip
หากคุณสังเกตวิธีการเดินของ Roomba 980 คุณจะพบว่ามันเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาดและมีเหตุมีผลกว่ารุ่นทั่วไป นั่นเป็นเพราะมันมีกล้องและเซนเซอร์บนตัวเครื่องที่ส่องขึ้นบนเพดาน ซึ่งช่วยกันวิเคราะห์พื้นที่ที่มันกำลังทำความสะอาดอยู่ นั่นทำให้มันรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนของห้อง และบริเวณไหนบ้างที่มันได้ทำความสะอาดไปแล้ว เพื่อไม่ให้วนไปทำความสะอาดซ้ำที่เดิม
ระบบที่ว่านี้ทำให้มันสามารถทำความสะอาดบ้านทั้งชั้นได้อย่างมีระบบระเบียบ นอกจากนี้ หากแบตเตอรี่หมดระหว่างทำความสะอาด มันยังสามารถกลับมาชาร์จไฟด้วยตัวเอง ก่อนจะกลับไปทำความสะอาดต่อในจุดที่ยังไม่ไปไม่ถึง
Roomba 980 เคลื่อนที่ด้วยระบบที่เรียกว่า Bump and track mapping คือการเคลื่อนที่พร้อมกับจดจำเส้นทางไปด้วย ซึ่งแตกต่างจากระบบ bump-and-run ของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วไปซึ่งเป็นการเปลี่ยนทิศทางหลังจากเจอจุดที่ไปต่อไม่ได้ ทำให้มันมีความฉลาดในการทำงานมากกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วไปในการเคลื่อนที่ ซึ่งจะเห็นได้ชัดในการทำความสะอาดที่มีพื้นที่กว้างได้อย่างครบถ้วนและรวดเร็วกว่า
รีวิวของเว็บไซต์ Trusted Reviews ยังระบุด้วยว่า เมื่อเปรียบเทียบกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นที่สามารถแมปเส้นทางเดินได้ Roomba 980 นั้นเคลื่อนที่ได้โดยติดขัดน้อยกว่า ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะซอฟต์แวร์และล้อที่ออกแบบมาให้ป้องกันการติดพันกับเศษเส้นใยต่างๆ
เช่นเดียวกับโมเดลรุ่นพรีเมียมหลาย ๆ รุ่น Roomba 980 มีแรงดูดที่แรงกว่าเครื่องรุ่นเล็กอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถเก็บฝุ่นได้อย่างดีภายในการเคลื่อนผ่านเพียง 1 ครั้ง ต่างจากหุ่นยนต์รุ่นเล็ก (รวมทั้ง Deebot N78s) ซึ่งมักจะปัดเศษฝุ่นบางส่วนกระจายและต้องวนมาเก็บซ้ำหลายรอบกว่าจะหมด
นอกจากนี้ มันยังเก็บกวาดฝุ่นได้มากกว่าเครื่องที่มีราคาถูกหลายรุ่น ข้อดีที่สำคัญอย่างหนึ่งของ Roomba คือมันขึ้นชื่อในเรื่องความทนและอะไหล่ที่สามารถถอดเปลี่ยนหรือซ่อมได้สะดวกหลายยี่ห้อ นั่นทำให้อายุการใช้งานนานขึ้นด้วย
เมื่อเทียบกับ Roomba รุ่นที่เล็กกว่า อาทิ 690 โมเดลรุ่น Roomba 980 สามารถปรับแต่งการทำงานผ่านแอปบนสมาร์ตโฟน บล็อกพื้นที่การทำงานด้วย virtual wall marker และสั่งการด้วยเสียงได้ และยังสามารถตั้งค่าการทำความสะอาดได้ละเอียดขึ้น
คุณสามารถเลือกได้ว่าจะให้มันเคลื่อนที่เก็บกวาดบริเวณเดิม 1 หรือ 2 ครั้งในแต่ละรอบ หรือแม้แต่กำหนดให้มันตั้งใจทำความสะอาดบริเวณขอบของห้องเป็นพิเศษ นอกจากนี้ หลังทำความสะอาดเสร็จ คุณยังสามารถเลือกให้มันแสดงว่าส่วนไหนของห้องที่พบเศษผงมากที่สุดได้อีกด้วย
ข้อเสียอย่างหนึ่งในความเห็นของเรา คือ ราคาซึ่งสูงถึงราว 40,000 บาท ในประเทศไทย
นอกจากนี้ มันยังไม่สามารถทำงานได้ในที่ที่มีแสงน้อย เนื่องจากกล้องของมันไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและมีปัญหาในการเคลื่อนที่ นั่นทำให้มันอาจไม่สามารถปล่อยให้มันทำงานตอนกลางคืนได้ ยกเว้นจะเปิดไฟทิ้งไว้
อย่างไรก็ตาม ในราคานี้คุณจะได้หุ่นยนต์ดูดรุ่นที่มีความสามารถในการทำความสะอาดพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพสูง แถมยังใช้งานได้สะดวก ง่าย และราบรื่น
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นของ Xiaomi รุ่นนี้ เป็นอีกรุ่นที่มีความสามารถในการแมปพื้นที่ในการทำความสะอาดได้ในราคาเพียง 1-1.5 หมื่นบาท โดยใช้เลเซอร์นำทางในการเคลื่อนที่หลบสิ่งกีดขวางต่าง ๆ แถมยังทำงานในความมืดได้ดีกว่า Roomba 960 และ 980
ถึงแม้จะมีอายุแบตเตอรี่น้อยกว่าและทำความสะอาดได้ไม่เรียบร้อยเท่าทั้งสองรุ่นนี้ แต่ก็ถือถือเป็นตัวเลือกที่ดีอีกรุ่นหนึ่งหากคุณสามารถหาซื้อพร้อมการรับประกันในประเทศไทยได้
หนึ่งในหุ่นยนต์รุ่นยอดนิยมของ Roomba รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่หลายเว็บไซต์ในต่างประเทศแนะนำสำหรับการใช้งานขั้นพื้นฐานสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ด้วยราคาในประเทศไทยที่แพงกว่าในต่างประเทศค่อนข้างมามาก
เราคิดว่ามันอยู่ก้ำกึ่งระหว่าง Debot N79T และ Roomba 980 ที่เราแนะนำ แต่สำหรับคนที่รับได้กับราคา Roomba 690 ถือเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นคุณภาพที่ใช้งานได้ดีและคงทนรุ่นหนึ่ง
อีกหนึ่งตัวเลือกที่เว็บไซต์ต่างประเทศแนะนำ โดยเฉพาะในด้านความทนทาน มันมีราคาต่ำกว่า 980 ที่เราแนะนำอยู่ราว 2-3 พันบาท แต่มีพลังการดูดและแบตเตอรี่น้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าหากคุณสามารถหาซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม Roomba 960 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นกัน
หากคุณสนใจ Roomba e5 เราคิดว่าคุณควรเพิ่มเงินอีกสักนิดเพื่ออัพเกรดเป็น 980 ที่เราแนะนำ เพราะถึงแม้มันจะมาพร้อมกับถังเก็บฝุ่นที่ล้างน้ำทำความสะอาดได้ง่าย มีแรงดูดที่สูง การควบคุมผ่านแอป แต่ยังคงใช้ระบบนำทางแบบกึ่ง random
ด้วยราคาที่อยู่ระหว่างสองรุ่นที่เราแนะนำ ซึ่งเราคิดว่ายังไม่ตอบโจทย์ต่อผู้ใช้งานทั้งสองแบบได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม e5 นั้นยังถือเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ใช้งานได้ดีเช่นกัน
ในต่างประเทศ Roomba 980 ที่เราแนะนำกำลังถูกทดแทนด้วย Roomba i7+ ซึ่งมาพร้อมกับเสียงที่เบากว่า ถังเก็บฝุ่นที่ล้างน้ำได้ รวมทั้งระบบแมปปิ้งอัจฉริยะรุ่นใหม่ ซึ่งเราคิดว่าหากราคาที่เปิดตัวในไทยไม่แพงกว่าเดิมจนเกินไป i7+ รุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่นที่เราแนะนำแทน 980 ในไม่ช้า
ถึงแม้ Samsung Powerbot R7070 จะโดดเด่นในด้านแรงดูดและการเก็บเศษฝุ่นที่ทำได้ดีกว่าหลาย ๆ รุ่นในการทดสอบของเว็บไซต์ TK รีวิวของหลายเว็บไซต์ระบุว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Samsung มักมีปัญหาในเรื่องของทิศทางการเคลื่อนที่ รวมไปถึงการเดินขึ้นพรมต่าง ๆ ทำให้ผู้ใช้งานในต่างประเทศหลายคนรีวิวว่ามันเป็นการเพิ่มงานในการเก็บพรมเช็ดเท้า และคอยจับตาดูว่ามันจะทำงานได้ราบรื่นหรือไม่
ถึงแม้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นของ Samsung รุ่นนี้จะมีฟังก์ชั่นหลายอย่างใกล้เคียงกับ Roomba 980 ที่เราแนะนำในราคาที่ถูกกว่าเล็กน้อย แต่มันมีข้อด้อยกว่าที่สำคัญอยู่ 2 ประการ ได้แก่ เสียงที่ดังกว่า และรูปทรงที่ค่อนข้างใหญ่เทอะทะกว่ารุ่น (เป็นรุ่นที่มีน้ำหนักมากที่สุดรุ่นหนึ่ง) นั่นทำให้เราคิดว่ามันยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่า Roomba 980
Leave A Comment