7 วิธีเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ช่วยลดฝุ่นและกำจัดเชื้อโรคในบ้าน
เลือกขนาดของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับห้องหรือพื้นที่ที่จะติดตั้ง เพราะเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีประสิทธิภาพในการทำงานครอบคลุมพื้นที่ที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าเราซื้อเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก แต่เอาไปวางไว้ในห้องขนาดใหญ่ ก็จะทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากนำเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ไปวางไว้ในห้องเล็ก ๆ ก็จะทำให้เปลืองไฟ ที่สำคัญห้องที่ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศควรเป็นห้องปิด เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ต้องดูก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศคือ ระบบการทำงาน ว่ามีคุณสมบัติตอบโจทย์และตรงกับความต้องการในการใช้งานของเราหรือไม่ โดยให้เน้นไปที่ชนิดของฟิลเตอร์หรือแผ่นกรองเป็นหลัก ควรเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่มี เฮปป้า ฟิลเตอร์ (HEPA filter) ซึ่งช่วยกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ดีและดักจับฝุ่นละอองได้มาก รวมไปถึงความจำเป็นในการใช้ฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ ที่มากกว่าแค่การกรองอากาศหรือกำจัดกลิ่น เช่น เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ, ตัวระบุการเปลี่ยนแผ่นกรอง, ตัวควบคุมความเร็ว และรีโมตสั่งการ ก็ถือเป็นคุณสมบัติที่เราควรนำมาพิจารณาด้วยเหมือนกัน เพราะเป็นส่วนที่มีผลทำให้แต่ละเครื่องแต่ละแบรนด์มีราคาแตกต่างกัน
ค่า Airflow หรือตัววัดความเร็วลม จากปริมาณของอากาศที่ถูกดูดเข้าไปและเวลาในการปล่อยอากาศออกมาจากเครื่องฟอกอากาศ หากเครื่องฟอกอากาศมีค่า Airflow สูงก็หมายความว่า เครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้เร็วนั่นเอง
ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) หรืออัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ต่อนาที ซึ่งเป็นค่าสากลที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ ยิ่งมีค่า CADR สูงมากเท่าไร ก็แสดงให้เห็นว่าเครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นเท่านั้น
ระดับเสียงการทำงานของเครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม โดยเครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมีระดับเสียงต่ำขณะเครื่องทำงาน เพื่อป้องกันการรบกวนขณะกำลังพักผ่อน ระดับเสียงที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 30-31 เดซิเบล
เครื่องฟอกอากาศจะกินไฟหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับแผ่นกรอง หากเป็นแผ่นกรองที่มีความหนาแน่นมาก อากาศผ่านได้น้อย ก็จะทำให้เครื่องใช้ไฟมาก ฉะนั้นควรเลือกแผ่นกรองที่มีอากาศไหลผ่านได้ดี เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในการทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบค่าไฟได้จากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จากหลาย ๆ รุ่นมาประกอบในการตัดสินใจ
ไม่ใช่แค่เพียงราคาของตัวเครื่องฟอกอากาศเท่านั้น แต่เรายังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนตัวกรองหรือไส้กรองของเครื่องฟอกอากาศอีกด้วย เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศทุกชนิดจะต้องมีการเปลี่ยนตัวกรองหรือไส้กรองอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้ระบบต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นก่อนจะซื้อเครื่องฟอกอากาศจึงควรดูราคาของแผ่นกรองและการบำรุงรักษาส่วนอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย
Leave A Comment