10 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี กรอง PM2.5 ราคาถูก ในปี 2020
อากาศเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ในการดำรงชีวิต แต่คุณไม่อาจรู้ได้เลยว่าในอากาศนั้นมีอะไรบ้าง ถ้าบอกว่ามีฝุ่นมลพิษปะปนในอากาศเป็นจำนวนมากหล่ะ ฝุ่นเหล่านั้นอาจจะส่งผลต่อสุขภาพถึงขั้นอันตรายได้เลย เช่น “PM2.5” ฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กมองตาเปล่าไม่เห็น ฉะนั้นหากเราต้องการให้ฝุ่นรอบๆตัว ภายในบ้านนั้นลดลง เราควรเริ่มใช้เครื่องฟอกอากาศ ที่จะช่วยให้อากาศสะอาดและปลอดภัยต่อสมาชิกในครอบครัว เอาหล่ะเรามาดูกันดีกว่า PM2.5 อันตรายแค่ไหนและเครื่องกรองอากาศยี่ห้อไหนน่าสนใจกันบ้าง?
PM ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ และสิ่งแวดล้อมแบ่งตามขนาด 3 ส่วน ดังนี้
• ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งมีหลายกลุ่มแต่หลัก ๆ อยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ PM10 และ PM2.5
ฝุ่น PM2.5 เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร เล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่า (เส้นผม 60 -70 ไมโครเมตร) ล่องลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่าง ๆ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ตาเปล่า แผ่กระจายอย่างรวดเร็วแล้วจะกินพื้นที่ในอากาศมหาศาล ฝุ่นเหล่านั้นอยู่ในชั้นบรรยากาศปริมาณสูงจนเกิดเป็นหมอกควันได้
สาเหตุมีหลายปัจจัยทำให้เกิดฝุ่นละอองมีทั้งในธรรมชาติ เช่น เกสรดอกไม้ ละอองดิน ละอองน้ำ และทั้งเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น โรงผลิตไฟฟ้า ควันท่อไอเสียจากรถยนต์ การทำลายเผาป่าไม้ เผาขยะ รวมถึงควันบุหรี่อีกด้วย โดยปรกติกิจวัตรประจำวันที่เรา หรือ ธรรมชาติ ทำให้เกิดฝุ่นละอองใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นในแต่ละวันได้เสมอ ส่วนแหล่งต้นตอที่สำคัญของ PM2.5 ในบรรยากาศ คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ (น้ำมันดิบ, เขม่าควัน, ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์) และฝุ่นจากการก่อสร้าง
ฝุ่นเหล่านี้นอกจากมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและขนาดเล็กอย่างมากแล้ว ยังไม่มีกลิ่นอีกด้วย สามารถผ่านทางจมูกกับปากเข้าไปในร่างกายของเราอย่างง่ายดาย ถึงขั้นสามารถเข้าลึกถึงถุงลมปอด ผ่านผนังถุงลมเข้าเส้นเลือดฝอยอยู่ในกระแสเลือด และกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเราได้
ความน่ากลัวที่สุดของฝุ่น PM2.5 คือ การกระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ลดระบบแอนตี้ออกซิแดนท์ แล้วเกิดการรบกวนความสมดุลต่างๆ ของร่างกาย และกระตุ้นยีนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งมีอันตรายต่อเนื้อเยื่อในร่างกายของเรามาก
ยิ่งพื้นที่ลักษณะในเมืองที่มีตึกสูงรอบล้อม จะทำให้เกิดสะสมฝุ่นละอองได้ง่าย โดยปรกติแล้วจะถูกลอยขึ้นไปในอากาศและถูกลมพัดฟุ้งกระจายออกไป ถ้าวันไหนอากาศนิ่งและไม่มีลมพัด เกิดการอัดแน่นของฝุ่นละอองเพิ่มจำนวนเรื่อย ๆ จนมีระดับความเข้มข้นเกินไปเป็นผลเสียต่อสุขภาพของเราได้ในที่สุด
นอกจากนี้องค์อนามัยโลกกำหนดให้ PM2.5 อยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง ตั้งแต่ปี 2556 เป็นสาเหตุ 1 ใน 8 ของประชากรโลกเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทำให้เสี่ยงต่อโรคร้ายแรง ดังต่อไปนี้
• โรคระบบทางเดินหายใจ เพราะ PM2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร และมีค่าความเข้มข้นสูงเกิน 120 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร จึงสามารถเข้าไปถึงถุงลมปอด ทำให้ปอดเกิดการอักเสบ ระคายเคือง และเป็นโรคระบบทางเดินหายใจได้
• โรคหัวใจและหลอดเลือด การสูดฝุ่นพวกนี้เข้าไปสู่กระแสเลือดไปขัดขวางการทำงานของหลอดเลือด เกิดการปิดกั้นเม็ดเลือดและออกซิเจน เมื่อถูกปิดกั้นหลอดเลือดแล้ว ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น
• โรคผิวหนัง อนุภาคเล็กอย่าง PM2.5 มีส่วนประกอบของพวกสารคาร์บอนที่มีคุณสมบัติละลายได้ดีในน้ำมัน จึงสามารถผ่านเข้าไปยังเซลล์ผิวหนังได้ ทำให้เกิดริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ และเกิดจุดด่างดำ ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ผิวในระดับยีน ได้แก่ โรคผิวหนังอักเสบ และโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
• โรคเยื่อบุตาอักเสบ หรืออาการตาแดง เมื่อฝุ่นละอองเข้าสู่เยื่อบุตาจนเกิดการอักเสบ ทำให้มีอาการตาแดง แสบตา และคันตา อาการเหล่านี้สามารถหายไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีรุนแรงหรือไม่รุนแรง การพบแพทย์โดยด่วนถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าซื้อยากินเอง เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นและความมั่นใจของตัวคุณเอง
ความจริงแล้ว ฝุ่น PM2.5 นำพามาซึ่งความเสี่ยงต่อหลายโรค เช่น โรคมะเร็งทางเดินปัสสาวะ โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โรคหอบหืด หรืออื่น ๆ ยังมีผลต่อความผิดปรกติด้านพัฒนาการทางสติปัญญาและด้านร่างกายอีกด้วย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต่อฝุ่น PM2.5 มีเด็ก ผู้หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยมีประวัติเกี่ยวกับโรคทางเดินระบบหายใจ รวมไปถึงคนที่ทำงานกลางโล่งแจ้ง จึงต้องระวังเป็นพิเศษ
ถึงแม้ฝุ่นเหล่านี้จะน่ากลัวแค่ไหน หากรู้จักความอันตรายของมันและรู้วิธีป้องกันอย่างดีทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น “เครื่องฟอกอากาศ” หนึ่งในวิธีป้องกันช่วยมลภาวะอากาศภายในบ้านให้น้อยลงได้ ซึ่งวิธีเลือกซื้อเครื่องกรองอากาศมีอะไรบ้าง ดังนี้
คล้าย ๆ กับการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ ต้องตรวจสอบห้องของเราขนาดแค่ไหนเพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้งานของเครื่องฟอกอากาศ เพราะกำลังการทำงานแต่ละรุ่นมีข้อจำกัดในด้านพื้นที่การใช้งานไม่เหมือนกัน ถ้าซื้อเครื่องฟอกอากาศไม่สัมพันธ์กับพื้นที่ขนาดห้องอาจจะทำให้เหล่าฝุ่นจำกัดไม่ทั่วถึงเช่นกัน
นอกจากนี้เครื่องฟอกอากาศมักระบุเกี่ยวกับเหมาะขนาดห้องเท่าไร เช่น 35 ตารางเมตร , 60 ตารางเมตร กรณีภายในบ้านใหญ่ หรือ เพดานสูง ต้องคิดคำนวณเป็นปริมาณห้องขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) หน่วยเป็นลูกบาศก์เมตรเพื่อการตัดสินใจเลือกซื้อง่ายขึ้น
แผ่นกรองอากาศ ถือเป็นหัวใจหลักที่สำคัญมาก แผ่นกรองนั้นมีหลากหลายแบบซึ่งแต่ละแบบมีความแตกต่างกัน อย่างน้อยเราควรเลือกซื้อแผ่นกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพดีใกล้เคียง HEPA filter (High Efficiency Particulate Air Filter) เพราะสามารถกำจัดฝุ่นละอองได้ถึงขนาด 0.3 ไมโครเมตร นอกจาก HEPA filter แล้ว ยังมีประเภทอื่นๆ ของแผ่นกรองอากาศ เช่น แผ่นกรองอากาศจำกัดปัญหากลิ่นและกรองก๊าซพิษต่างๆ , แผ่นกรองอากาศป้องกันการแก้แพ้อากาศ และอื่นๆ
มีความสำคัญต่อประสิทธิภาพกรองอากาศบริสุทธิ์ ถ้าเรารู้เรื่องค่า CADR และ ค่า Airflow ค่าเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเลือกซื้อตรงปัจจัยต่างๆ ของเราได้ง่ายขึ้น อย่างแรกค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) เป็นอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ โดยมาตรฐานที่ถูกกำหนดขึ้นโดย Association of Home Appliance Manufacturers (AHAM) ค่าแสดงปริมาตรของอากาศบริสุทธิ์ถูกผลิตออกมาต่อ 1 นาที ถ้ายิ่งค่า CADR มาก มีประสิทธิภาพการกรองอากาศยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
อย่างที่สองค่า Airflow เป็นค่าการใช้วัดความเร็วในการกรองอากาศบริสุทธิ์ ยิ่งมีค่า Airflow สูง การใช้งานเวลากรองอากาศมีประสิทธิภาพความเร็วมากขึ้น ทั้งสองค่านี้มีส่วนสำคัญในการกรองอากาศจากฝุ่นเปลี่ยนเป็นอากาศสะอาดได้ไม่ต้องห่วง
ความสวยงามกับความสะดวกสบาย ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความสะดวกในการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่ว่าเลือกสี วัสดุ หรืออื่น ๆ ให้เราคิดว่าเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ถ้าจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายเครื่องฟอกอากาศไปยังส่วนอื่น ๆ ภายในบ้าน ควรเลือกน้ำหนักและขนาดให้กระทัดรัดและเบาดีกว่า
เครื่องฟอกอากาศ ทุกเครื่องใช้ไฟฟ้า เวลาเปิดใช้งานล้วนมีเสียงดังทั้งนั้น เราต้องควรพิจารณาเรื่องเสียงมิใช่นั้นเวลาจำเป็นใช้พื้นที่ส่วนตัว เช่น นอน, ทำงาน, ปาร์ตี้สังสรรค์ จะมีเสียงดังทำให้รบกวนชีวิตประจำวันของเราได้อย่างมาก แนะนำโดยทั่วไปไม่ควรเกิน 30 – 40 เดซิเบล เป็นระดับเบาเหมาะห้องเงียบสงบ เช่น ห้องสมุด ห้องนอนเวลากลางคืน
แต่ละเครื่องฟอกอากาศมีฟังก์ชั่นน่าสนใจมากมาย แต่ขึ้นกับเราต้องการใช้งานฟังก์ชั่นอะไรบ้าง เช่น การตั้งเวลาเปิดปิดอัตโนมัติ, ระบบสั่งการด้วยรีโมทหรือแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน, สัญญาณเตือนแผ่นกรองอากาศ, ระบบวัดฝุ่นสั่งให้เครื่องทำงานเองโดยอัตโนมัติ, ระดับความชื้น เป็นต้น
แม้คุณสมบัติดีเลิศแค่ไหน ถ้าราคาสูงเกินเอื้อม แล้วซื้อเครื่องฟอกอากาศโดยไม่มีการไตร่ตรองก่อน จะทำให้เราเสียเงินเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะยังต้องซื้อแผ่นกรองอากาศซึ่งโดยทั่วไปต้องให้เปลี่ยนทุก ๆ 6 – 12 เดือน นอกจากปัญหาประเภทของแผ่นกรองอากาศที่มีหลากหลาย ยังมีปัญหาอายุการใช้งานที่แตกต่างกันอีกด้วย ฉะนั้นเราควรพิจารณาเทียบราคากันหน่อยก่อน ที่สำคัญแนะนำพิจารณาเรื่องกำลังไฟของเครื่องนั้นๆ ด้วยเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ
เมื่อซื้อมาแล้วอย่าลืมเด็ดขาด เรื่องการประกันสินค้าเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันเพราะหากเครื่องฟอกอากาศเกิดเสียกะทันหัน ค่าความเสียหายของอะไหล่ต่างๆ อาจทำให้ค่าซ่อมสูงใกล้เคียงกับราคาเครื่องฟอกอากาศเครื่องใหม่ก็เป็นได้ ดังนั้นการประกันจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่ประกันจะมีระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Air Purifier Pro ผลิตภัณฑ์สุดฮิตจากประเทศจีน ราคาประหยัดสุดคุ้ม ประสิทธิภาพการทำงานของกรองอากาศดีไม่แพ้ยี่ห้ออื่น ๆ มีฟังก์ชั่นพิเศษอย่างหน้าจอ OLED (Organic Light Emitting Diodes) สว่างคมชัด สามารถแสดงค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าฝุ่น PM2.5 อุณหภูมิและความชื้นในห้อง โดยใช้ระบบเซนเซอร์อัจฉริยะสำหรับวัดปริมาณค่าอย่างแม่นยำ สั่งด้วยสัมผัสปลายนิ้ว หรือ สั่งด้วยแอปพลิเคชั่นชื่อว่า “Mi Home” บนสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วยสะดวกสบายในการใช้งานและฟังก์ชั่นอื่นๆ ได้
ภายในเครื่องมาพร้อมไส้กรอง 3 ชั้น (ชั้นนอก, ชั้นกลาง, ชั้นใน) ทำให้สามารถดักจับฝุ่น สารเคมีอันตราย แก๊สพิษ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไส้กรองสามารถใช้งานได้นานกว่า 4,000 ชั่วโมง เมื่อไส้กรองหมดสภาพได้รับเสียงแจ้งเตือนซึ่งเปลี่ยนไส้กรองได้ ปรับโหมดการใช้งาน 3 รูปแบบ (Auto, Sleep และ Favorite) นอกจากนี้ระดับเสียงของเครื่องนี้เพียง 31 เดซิเบล ถือว่าระดับเสียงเบาไม่รบกวนเวลานอนของคุณเลยทีเดียว และมีโหมด Child Lock ป้องกันเด็ก ๆ กดเล่นได้อีกด้วย
ฟังก์ชั่นตรวจวัดคุณภาพอากาศเพื่อสุขภาพของเราและคนที่คุณรัก
ใครกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศที่สามารถเปลี่ยน PM2.5 เป็น อากาศบริสุทธิ์ แนะนำเครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC1215 มีเทคโนโลยี VitaShield IPS คือ ระบบเซนเซอร์สำหรับตรวจจับคุณภาพของอากาศ ที่สามารถขจัดฝุ่นละอองฝุ่น 2.5 – 0.2 ไมโครเมตร ก๊าซพิษอันตราย รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์
มี 2 โหมดด้วยกัน ได้แก่ โหมด Auto ช่วยขจัดมลพิษอากาศโดยเร่งความเร็วด้วยระบบเซนเซอร์ตรวจอากาศ กับ โหมด Night Sense ช่วยลดเสียงรบกวนเวลานอนสบายหายห่วงแถมปิดแสงไฟอัตโนมัติให้ นอกจากนี้มีระบบล็อคเพื่อป้องกันกรณีเด็ก ๆ ไปกดเล่น หรือ ตั้งค่าผิดพลาด
กลับมาอีกครั้งในยี่ห้อ Xiaomi Mi รุ่นนี้เป็นเครื่องฟอกอากาศล่าสุดที่พัฒนามาจากรุ่นที่ 2 การทำงานไม่ได้แตกต่างมากนัก ต่างจาก Xiaomi Mi Air รุ่น Purifier Pro เรื่องขนาด น้ำหนัก พื้นที่ขนาดห้อง และกำลังไฟด้วย ความเหมือน Xiaomi Mi Air รุ่น Purifier Pro กับ Xiaomi Mi Air รุ่น Purifier 2S ทุกประการ
ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นพิเศษอย่างหน้าจอ OLED สว่างคมชัด สามารถแสดงค่าต่าง ๆ โดยใช้ระบบเซนเซอร์อัจฉริยะสำหรับวัดปริมาณค่าอย่างแม่นยำ สั่งด้วยสัมผัสปลายนิ้วบนสวิตช์บนตัวเครื่อง หรือ สั่งด้วยแอปพลิเคชั่นชื่อว่า “Mi Home” บนสมาร์ทโฟน ช่วยมอบความสะดวกสบายในการใช้งานและฟังก์ชั่นอื่นๆ ภายในเครื่องมาพร้อมไส้กรอง 3 ชั้น ทำให้สามารถดักจับฝุ่น สารเคมีอันตราย แก๊สพิษ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไส้กรองสามารถใช้งานได้นานกว่า 4,000 ชั่วโมง เมื่อไส้กรองหมดสภาพได้รับเสียงแจ้งเตือนซึ่งเปลี่ยนไส้กรองได้ ปรับโหมดการใช้งาน 3 รูปแบบ นอกจากนี้ระดับเสียงของเครื่องนี้เพียง 31 เดซิเบล และมีโหมด Child Lock ป้องกันเด็ก ๆ กดเล่นได้อีกด้วย
Nidouillet เป็นยี่ห้อหนึ่งผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้า หนึ่งในนั้นคือ เครื่องฟอกอากาศด้วย มีจอภาพ LED แสดงค่าความเข้มข้นของ PM2.5 และเซนเซอร์อนุภาคเลเซอร์ CADR มีค่าสูง 500 ลูกบาศก์เมตร / ชั่วโมง แผ่นการกรอง HEPA ช่วยเร่งกรองอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็กได้มากสูงสุดถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้เทคโนโลยีระบบเสียงน้อยกว่า 60 เดซิเบล ยังสามารถปรับโหมด Sleep ทำให้ไม่มีเสียงรบกวนได้
ลองมาดูเครื่องกรองอากาศที่มาจากประเทศญี่ปุ่นกันบ้างดีกว่า ยี่ห้อ Hitachi รุ่นนี้พัฒนามาจากรุ่นก่อนจึงมีดีไซน์บาง (ความหนาเพียง 13 เซนติเมตร) และออกแบบเรียบหรู ระบบฟังก์ชั่นที่สามารกกรองอากาศได้อย่างรวดเร็วถึง 3.2 ลูกบาศก์เมตร / นาที ทำให้ดักจับสารก่อภูมิแพ้และกลิ่นไม่พึงประสงค์โดยผ่านการรับรองประสิทธิภาพจากสถาบันโรคภูมิแพ้แห่งประเทศอังกฤษ (Allergy UK) เพราะแผ่นกรอง HEPA ช่วยตรวจจับกลิ่นและสารก่อเกิดภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังมีหน้าจอภาพแสดงค่า PM2.5 กับสามารถสั่งการด้วยรีโมทคอนโทรลเพื่อสะดวกการใช้งานอีกด้วย
เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ส่วนใหญ่เห็นในโรงพยาบาล ใช้สำหรับเด็กและผู้ป่วยเป็นกรณีพิเศษ เพราะมีความสามารถกรองอากาศบริสุทธิ์ ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ฝุ่นละออง ก๊าซพิษต่าง ๆ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยและสุขภาพจาก TUV Rheinland ประเทศเยอรมัน โดยอ้างอิงเทคโนโลยี คือ UVGI (Ultraviolet Germicidal lrradiation) ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วยรังสีอัตราไวโอเล็ต กับ PCO (Photocatalytic Oxidation) ทำหน้าที่เกิดกระบวนการ Hydroxyl Radical ทำให้เชื้อโรคถูกย่อยสลายเป็น คาร์บอนไดออไซด์และน้ำ และมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา
ระบบกรองอากาศมีอยู่ด้วยกัน 6 ขั้นตอน ได้แก่ แผ่นกรอง Activated Carbon Pre-Filter (ฝุ่นละอองทั่วไป), แผ่นกรอง HEPA (ฝุ่นละอองขนาดเล็กสุดถึง 0.3 ไมโครเมตร), แผ่นกรอง Antibactera (ยับยั้งแบคทีเรีย), แผ่นกรอง Charcoal (ดูดก๊าซพิษต่าง ๆ), แผ่นกรอง Zeolite (ช่วยดูดก๊าซพิษทำมาจากหินภูเขาไฟ), และUVGI (ทำลายชีวมลพิษ) นอกจากนี้มีระบบเตือนอายุของแผ่นกรองอากาศซึ่งแยกแต่ละชนิด ปรับความเร็วลมได้ 3 ระดับ (low/medium/high) ยังมีควบคุมด้วยระบบสัมผัสอีกด้วย
มาต่อกับเครื่องฟอกอากาศจากประเทศญี่ปุ่นกัน ด้วยยี่ห้อ “Toshiba” ดีไซน์ออกมาเรียบหรู ระบบกรองอากาศชนิด Hepa กับ Activated Carbon ช่วยกรองอากาศบริสุทธิ์ได้มาก 99.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกำจัดแบคทีเรีย ฝุ่นละออง สารก่อเกิดภูมิแพ้และโรคหอบหืด ด้วยเทคโนโลยีกรองอากาศ 3 ชั้น
รุ่นนี้มีฟังก์ชั่นน่าสนใจนอกจากดักจับฝุ่นละอองแล้ว ยังสามารถปรับความเร็วในการทำงานกรองอากาศกับปริมาณตรวจจับได้ ส่วนแผ่นกรองอากาศทั้ง 4 ชั้น มีส่วนช่วยดักจับฝุ่นและสารก่อเกิดภูมิแพ้ ได้แก่ แผ่นกรองอากาศ Pre-Filter (ฝุ่นละอองทั่วไป), แผ่นกรองอากาศ Active Carbon (ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์), แผ่นกรองอากาศ Hepa (ดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงสุด 0.3 ไมโครเมตร), และแผ่นกรองอากาศ NanoCaptur (ดักจับสารฟอร์มาลดีไฮด์) ไม่ใช่แค่นั้นสามารถปรับองศาพลังลมได้สูงสุด 45 – 90 องศา
มีฟังก์ชั่นอื่น ๆ อีก เช่น ตั้งค่าโหมดกลางวัน – โหมดกลางคืนเพื่อเหมาะการทำงานแต่ละวัน และโหมด Silent Mode มีระดับเสียง 20 เดซิเบล ถือว่าระดับเสียงเบามากเทียบเท่าเสียงหายใจ, กระซิบ นอกจากนี้ยังมีระบบหน้าจอสัมผัสและระบบตั้งเวลาเปิด / ปิดอัตโนมัติได้สูงสุด 8 ชั่วโมง
พบกับยี่ห้อที่คนรู้จักอย่าง “Daikin” หนึ่งในบริษัทเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นกัน รุ่นนี้ความสามารถมีเทคโนโลยีในกรองอากาศทั้งภายนอก Active Plasma Ion คุณสมบัติในการย่อยสลายสิ่งสกปรกในอากาศ ยังสามารถเพิ่มความชื้น และภายใน Streamer คุณสมบัติยับยั้งมลภาวะต่าง ๆ ด้วยอิเล็กตรอนความเร็วสูง ยังมีระบบเพิ่มความชื้นช่วยให้ไม่ให้อากาศแห้งเกินไป ยับยั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อโรคต่าง ๆ และกลิ่นไม่พึงประสงค์
ระบบเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็กตั้งแต่ 0.3 – 2.5 ไมโครเมตร หรือ มากกว่านั้น ไม่ใช่แค่นั้นตรวจจับกลิ่น หรือ สิ่งสกปรกในอากาศได้ สามารถวางชิดผนังได้เพราะช่องลมรอบ 3 ทิศทาง เพื่อประหยัดพื้นที่ โหมดทำงาน 4 ระดับ (Turbo, High, Middle, และ Low) มีฟังก์ชั่นสำหรับล็อคป้องกันเด็กกับปรับความสว่างของไฟแสดงสถานะ นอกจากนี้ยังมีระบบไฟกระชากอีกด้วย
อันดับสุดท้ายกับยี่ห้อ “Hatari” เครื่องฟอกอากาศดีไซน์ออกแบบสวยงาม มาพร้อมระบบสัมผัสและรีโมตคอนโทรล กรองอากาศต่อเนื่อง 4 ขั้นตอน และปรับความแรง 4 ระดับ ยังมีระบบไอโอไนเซอร์นอกจากเพิ่มความสดชื่นในอากาศแล้ว มีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่าง ๆ สามารถเลือกตั้งเวลาการทำงานเปิด / ปิดได้ตั้งแต่ 1 – 8 ชั่วโมง ยังมีโหมด Sleep ลดเสียงรบกวนน้อยลงเพื่อประหยัดพลังงาน
เอาหล่ะ หอมปากหอมคอกับบทความ 10 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี? กรอง PM2.5 ราคาถูก ในปี 2020 เมื่ออ่านบทความนี้แล้ว ถ้าใครมีเครื่องฟอกอากาศในใจอยู่แล้ว แต่ไม่มีติดอันดับในนี้ไม่ต้องเสียใจกัน เพราะโลกเปลี่ยนไปเร็วมีรุ่นใหม่ ๆ พัฒนาเรื่อย ๆ รอให้เราลองใช้ ดังนั้น “เลือกอย่างมีวิจารณญาณ” เชื่อว่า เพียงแค่เครื่องเดียวสามารถช่วยลดมลภาวะทางอากาศที่เป็นภัยต่อร่างกายของคุณและคนที่คุณรักได้อย่างแน่นอน
Leave A Comment