แนะนำ 10 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2021 ใช้งานง่าย แก้ภูมิแพ้ ป้องกันเชื้อโรคและฝุ่น PM 2.5 หลับสบายตลอดคืน
เครื่องฟอกอากาศ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เนื่องด้วยปัญหามลภาวะทางอากาศอย่าง PM 2.5 ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ และยังมีปัญหจากสารก่อภูมิแพ้ที่ปะปนอยู่ในอากาศอีกมากมายเกิดขึ้น จึงทำให้อุปกรณ์ชนิดนี้สามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วในหลาย ๆ สถานที่ นอกจากนี้ ราคาที่เปิดตัวมาในช่วงแรกนั้น ก็ยังคงไม่สูงมากจนเกินไป หากเทียบกับความคุ้มค่าในด้านการใช้งาน ส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ สามารถเข้าถึงสินค้าชนิดได้อย่างง่ายดาย ทั้งในแง่ของสินค้าที่เกียวกับสุขภาพ สินค้านวัตกรรม หรือสินค้าสำหรับเด็กและผู้สูงอายุเองก็ตาม
โดยเทคนิคแล้วเครื่องฟอกอากาศนั้น เป็นอุปกรณ์สำหรับดักจับฝุ่น เชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่อาจกระจายตัวอยู่ในห้องของคุณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งสิ้น โดยในด้านการใช้งาน อุปกรณ์ชนิดนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ปิด เช่น บ้าน คอนโด หรือออฟฟิศ และจะสามารถใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้าหากคุณใช้งานในพื้นที่ที่จำกัด อย่างเช่น ห้องนอน ห้องครัว หรือห้องนั่งเล่น และถึงแม้แต่ละพื้นที่จะมีขนาดที่แตกต่างกัน ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการทำงานของอุปกรณ์ชิ้นนี้ เพียงแต่คุณจำเป็นต้องเลือกซื้อรุ่นให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ที่คุณต้องการใช้งานเพียงเท่านั้นครับ วันนี้เราจึงนำข้อมูลความรู้เกี่ยวกับวิธีการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศมาฝากกัน รวมทั้ง 10 เครื่องฟอกอากาศ รุ่นยอดนิยมจากหลากหลายยี่ห้อมาแนะนำกันอีกด้วยครับ
การทำงานของเครื่องฟอกอากาศนั้น มีหลักการทำงานที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย ไม่มีความซับซ้อนมากนัก คือ การดูดอากาศจากภายนอกเข้าไปในตัวเครื่อง ผ่านทางแผ่นกรองที่ถูกติดตั้งเอาไว้ด้านใน โดยตัวแผ่นกรองจะเป็นสิ่งที่ช่วยดักจับฝุ่น เชื้อโรค หรือแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาภายในตัวเครื่อง แล้วปล่อยอากาศที่บริสุทธิ์ออกไปในบริเวณที่คุณเปิดใช้งานแทน โดยประสิทธิภาพในการใช้งานของแผ่นกรองนั้นจะสามารถวัดได้จากค่าไมครอน หรือค่าขนาดของฝุ่นที่แผ่นกรองสามารถดักจับได้ ซึ่งแผ่นกรองที่มีคุณภาพสูงจะต้องสามารถดักจับฝุ่นที่มีขนาดตั้งแต่ 0.1 ไมครอนได้เป็นต้นไป เพราะจะทำให้สามารถป้องกันทั้งฝุ่นแบบปกติที่มีขนาดประมาณ 10 ไมครอน รวมไปถึงฝุ่น PM 2.5 ที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 ไมครอน ซึ่งกำลังเป็นปัญหาในขณะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ
แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่ถูกผลิตเพื่อใช้งานด้านสุขภาพอย่างเครื่องฟอกอากาศนั้นจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถพิเศษในการปกป้องร่างกายของคุณจากสิ่งแปลกปลอมในอากาศที่อยู่รอบตัวเรา อย่างไรก็ตาม ตัวคุณเองก็จำเป็นจะต้องเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่แตกต่างกันให้เหมาะสม เพราะหากคุณเลือกใช้งานอย่างถูกต้องแล้วจะส่งผลให้ตัวเครื่องสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์กับคุณและสมาชิกในบ้านได้มากที่สุดครับ
1. ช่วยป้องกันสารที่อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ – สิ่งสกปรกขนาดเล็กที่กระจายตัวอยู่บนอากาศภายในห้องอย่างเช่น ฝุ่น เชื้อโรค หรือแม้แต่ขนของสัตว์เลี้ยง มักจะก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่าย แต่ด้วยแผ่นกรองที่ถูกออกแบบในดีไซน์ตาข่ายของเครื่องฟอกอากาศจะเป็นอีกแรงที่ช่วยป้องกันให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เข้าสู่ร่างกายของคุณได้ยากขึ้น
2. ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ – เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเครื่องฟอกอากาศที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากการดักจับฝุ่น หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ลอยตัวอยู่บนอากาศแล้ว ยังสามารถแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ภายในบ้าน เช่น กลิ่นบุหรี่ กลิ่นของสัตว์เลี้ยง หรือกลิ่นอับบนเฟอร์นิเจอร์ ที่กระจายอยู่ภายในห้องให้กลายเป็นกลิ่นที่สดชื่นมากขึ้น และทำให้คุณรู้สึกสบายตัวตลอดทั้งวัน ที่สำคัญยังไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกลิ่นที่อาจส่งผลต่อเด็กและผู้สูงอายุอีกด้วยครับ
3. ช่วยให้นอนหลับได้อย่างสบายยิ่งขึ้น – สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับไม่สนิท หรือเกิดอาการตื่นนอนตอนกลางดึกอยู่เป็นประจำ ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในเวลากลางวัน เครื่องฟอกอากาศจะเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สามารถแก้ปัญหาด้านนี้ของคุณได้อย่างตรงจุด โดยสาเหตุของอาการดังกล่าวนั้นมักจะมาจากอากาศภายในห้องนอนของคุณที่มีการลอยตัวของฝุ่นหรือสารแปลกปลอมอื่น ๆ อยู่มากจนเกินไป ทำให้การหายใจในระหว่างการนอนค่อนข้างติดขัดและไม่สบายตัว โดยเครื่องฟอกอากาศนั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยดักจับ และลดการสะสมของสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งจะส่งผลให้คุณสามารถนอนหลับสนิทตลอดคืนครับ
4. ช่วยลดการสะสมของฝุ่น PM 2.5 – ในปัจจุบันมีอีกหนึ่งปัญหามลภาวะที่เกิดขึ้นและดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง คือ ปัญหามลภาวะจากฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลเสียอย่างมากต่อปอดของคุณ ทำให้หลายคนเริ่มมีการจัดหาอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับการแก้ปัญหามลภาวะจากฝุ่นประเภทนี้มากขึ้น โดยหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ คือ การเลือกใช้งานเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งสามารถใช้ดักจับฝุ่นขนาด 2.5 ไมครอน ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
หลังจากที่เราได้ทราบหลักการทำงานและประโยชน์ของอุปกรณ์ตัวนี้ว่าส่งผลดีต่อตัวคุณและคนในครอบครัวของคุณอย่างไรไปแล้ว ต่อไปเราจะขอแนะนำ 10 รุ่นของเครื่องฟอกอากาศ ที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยไม่จำเป็นต้องกังวลถึงปัญหามลภาวะทางอากาศต่าง ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณครับ
Phillips เป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติดัตช์ ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องฟอกอากาศรุ่น PHILIPS AC1215 ที่มาพร้อมการใช้งานแผ่นกรองแบบ HEPA Filter สามารถดักจับฝุ่นขนาดอนุภาคเล็กได้สูงสุด 0.02 ไมครอน และในด้านการผลิตอากาศบริสุทธิ์ สามารถทำได้สูงสุดที่ 270 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียง 30 วัตต์ นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานในห้องนอน และสถานที่อื่น ๆ ภายในบ้านของคุณได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยขนาดเครื่องที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไป และด้วยค่าเสียงในระหว่างการใช้งานที่เบาเพียง 33 เดซิเบล ส่งผลให้การนอนของคุณจะไม่ถูกรบกวนจากเสียงเลยแม้แต่น้อย และยังช่วยให้คุณสามารถนอนหลับได้อย่างสบาย ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ที่สามารถผลิตได้จากตัวเครื่องอีกด้วยครับ
สำหรับฟังก์ชันที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ คือ โหมดตรวจจับการนอนยามค่ำคืน ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในห้องนอนโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำการตรวจสอบค่าของฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ และดักจับสิ่งเหล่านั้นไปควบคู่กับการปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาภายในห้อง ทำให้คุณสามารถนอนหลับได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมโหมดฟอกอากาศอัตโนมัติแบบพิเศษ ที่ช่วยขจัดมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญากวนใจใครหลาย ๆ คนอยู่ในขณะนี้ครับ….
Xiaomi Air Purifier 3H เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความคุ้มค่า และน่าสนใจอย่างมากในลิสต์นี้ เนื่องจากสามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ได้มากสุดถึง 380 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ด้วยราคาตัวเครื่องที่ไม่ถึง 5,000 บาท และยังสามารถใช้งานได้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 45 ตารางเมตรอีกด้วย ส่วนในด้านของดีไซน์ค่อนข้างมีความสวยงามและทันสมัย มาพร้อมจอแสดงผลแบบ OLED ที่มีไว้สำหรับแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ในการใช้งานตัวเครื่อง และที่สำคัญยังรองรับการใช้งาน HEPA Filter ทำให้สามารถดักจับอนุภาคของฝุ่นขนาดเล็ก ได้สูงสุดที่ 0.3 ไมครอน ซึ่งก็แปลว่าสามารถป้องกันค่าฝุ่นระดับ PM 2.5 ได้ด้วยเช่นกัน
ทางด้านการใช้งานของตัวเครื่องสามารถควบคุม และปรับเปลี่ยนการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ผ่านทางแอปพลิเคชั่น Mi Home และยังสามารถใช้งานการสั่งงานด้วยเสียงบนแอปพลิเคชันผ่าน Google Assistant และ Amazon Alexa ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมดการใช้งานอีกมากมาย ที่มีให้เลือกใช้ได้แตกต่างกันไปในแต่ละสถานการณ์ เช่น Auto Mode สำหรับการปรับเปลี่ยนการทำงาน ให้มีความเข้ากันในทุกสถานการณ์ภายในสถานที่นั้น ๆ หรือ Sleep Mode สำหรับควบคุมคุณภาพของอากาศ ให้สามารถนอนหลับได้อย่างสบายมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
Hafele ECOM-087 เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าจากแบรนด์ Hafele ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในประเทศไทย โดยเป็นรุ่นมาพร้อมไส้กรองทั้งหมด 3 ชั้น ประกอบด้วย PP Filter, HEPA Filter และ Carbon Filter ที่ทำงานร่วมกันกับระบบ UV-C ซึ่งมีส่วนช่วยในการกำจัดเชื้อรา และแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ที่ติดมาพร้อมกันกับละอองฝุ่นบนอากาศ และส่งผลให้สามารถดักจับฝุ่น ที่มีอนุภาคเล็กสุดได้ถึง 0.3 ไมครอน อีกทั้งยังสามารถจัดการกับฝุ่นระดับ PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากอีกด้วยครับ
ในส่วนของดีไซน์การออกแบบ มาพร้อมรูปทรงตัวเครื่องแบบทรงกระบอก ทำให้สามารถจัดวางไปที่มุมต่าง ๆ ของห้องได้ โดยที่ไม่กินพื้นที่ในการจัดวางตัวเครื่องมากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถึงแม้จะมีขนาดค่อนข้างเล็ก ก็ยังคงสามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้สูงสุดที่ 350 ลูกบาศก์เมตร ด้วยเสียงที่เบาสุดเพียง 32 เดซิเบลเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ในขนาดพื้นที่สูงสุดตั้งแต่ 55-60 ตารางเมตรอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามรุ่นนี้ก็ยังคงมาพร้อมข้อเสียที่สำคัญ คือ การใช้กำลังไฟฟ้าที่ค่อนข้างสูงถึง 65 วัตต์ ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าที่จำเป็นจะต้องจ่ายในการใช้งาน ก็มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน แต่ก็ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่า หากเทียบกับสุขภาพดี ๆ ที่คุณจะได้รับกลับคืนมาครับ
SHARP FP-J30TA อีกหนึ่งรุ่นที่มีดีไซน์การออกแบบสวยงามล้ำสมัย และมาพร้อมจุดเด่นในด้านระดับเสียง ที่เบามากกว่ารุ่นอื่น ๆ เป็นอย่างมาก โดยจะมีค่าระดับเสียงเพียง 23 เดซิเบล ในขณะที่เปิดใช้งานตัวเครื่องเพียงเท่านั้น นอกจากนี้ด้วยขนาดที่ค่อนข้างเล็ก ยังส่งผลให้การใช้พลังงานไฟฟ้า ก็ลดลงไปตามไปด้วยเช่นกัน แต่ก็มีข้อเสียที่สำคัญอยู่หนึ่งข้อ คือ ขนาดพื้นที่ในการใช้งาน ที่สามารถใช้งานได้สูงสุดเพียง 23 ตารางเมตร ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องนอน หรือห้องที่มีขนาดเล็กเพียงเท่านั้นครับ
สิ่งที่น่าสนใจของเครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้ คือ เทคโนโลยี Plasmacluster เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Sharp ซึ่งมีหลักการทำงานค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย โดยจะมีการปล่อยประจุไฟฟ้าแบบบวก และแบบลบสลับกันออกมารอบตัวเครื่อง เพื่อช่วยทำลายผนังเซลล์ของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัส ที่อยู่บนอากาศภายในพื้นที่ ที่เปิดใช้งานตัวเครื่อง ทำให้อากาศโดยรอบค่อนข้างมีความบริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการยับยั้งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เช่น กลิ่นอับชื้น หรือกลิ่นบุหรี่ ที่ติดอยู่บนเฟอร์นิเจอร์ภายในพื้นที่การใช้งานของตัวเครื่องได้อีกด้วยครับ
Tefal เป็นแบรนด์จากประเทศฝรั่งเศส ที่เข้ามาทำการตลาดในสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องฟอกอากาศรุ่น Tefal Pure Air Purifier ที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในพื้นที่ ที่มีขนาดใหญ่ 120 ตารางเมตร เนื่องจากสามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ได้มากถึง 300 ลูกบาศก์เมตร และยังสามารถจัดการกับสิ่งแปลกปลอมบนอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถดักจับฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาอย่างมากในขณะนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วยครับ
ในด้านจุดเด่นของอุปกรณ์ตัวนี้ อยู่ที่แผ่นกรองอากาศจำนวน 3 ชั้น ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกรองอากาศ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพมากที่สุด ประกอบด้วย PRE-FILTER สำหรับดักจับฝุ่นที่มีขนาดใหญ่อย่างเส้นผมและเส้นขน ที่ลอยตัวอยู่บนอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าสู่ปอด, ACTIVE CARBON FILTER ช่วยขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ และเปลี่ยนให้กลายเป็นอากาศ ที่มีความบริสุทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ TRUE HEPA ALLERGY+ FILTER ช่วยดักจับฝุ่นที่อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ และมีอนุภาคเล็กสุดได้ที่ 0.1 ไมครอน นอกจากนี้ยังสามารถกรองอากาศได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ เพียงแค่ 6 นาทีต่อการเปิดใช้งานตัวเครื่องหนึ่งครั้งเพียงเท่านั้นครับ
Philips AC0820/20 เป็นอีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ Philips ที่มีประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร จากแผ่นกรองแบบ HEPA Filter ที่ได้รับการรองรับมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา สามารถดักจับฝุ่นที่มีขนาดเล็กสุดได้อยู่ที่ 0.003 ไมครอนเพียงเท่านั้น นอกจากนี้ยังใช้พื้นที่ในการจัดวางค่อนข้างต่ำ สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างง่ายดาย จากขนาดตัวเครื่องที่ค่อนข้างเล็ก และน้ำหนักที่ค่อนข้างเบากว่ารุ่นอื่น ๆ อีกทั้งยังใช้กำลังไฟในการทำงานที่ค่อนข้างน้อย ส่งผลให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากขึ้น แต่ก็ทำให้สามารถผลิตอากาศได้ค่อนข้างน้อยลงตามไปด้วยเช่นกันครับ
สำหรับฟังก์ชันการใช้งานที่น่าสนใจของรุ่นนี้ มาพร้อมโหมดฟอกอากาศอัจฉริยะแบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ภายหลังจากการเปิดใช้งาน จะสามารถกรองอากาศได้ในทันที ด้วยระบบประมวลผลที่ใส่มาให้ในตัวเครื่อง ที่สำคัญตัวกรองยังสามารถดักจับฝุ่นระดับ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาในขณะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ทางด้านความปลอดภัยของสุขภาพนั้น ก็สามารถทำได้ดีไม่แพ้กับรุ่นอื่นในลิสต์นี้อย่างแน่นอนครับ
Worldtech WT-P40 มาพร้อมกับตัวกรองแบบ HEPA Filter ที่สามารถดักจับฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระดับเสียงในระหว่างการทำงานที่ค่อนข้างเบา ส่งผลให้ไม่มีเสียงที่รบกวนต่อการใช้ชีวิตของคุณมากเท่าไหร่นัก ส่วนในด้านการใช้งานตัวเครื่อง สามารถควบคุมการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่านทางรีโมทคอนโทรลไร้สายได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบข้อมูล และสั่งงานผ่านทางหน้าจอทัชสกรีนสีดำบริเวณตัวเครื่องได้อีกด้วยครับ
เครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้ รองรับการใช้งานในพื้นที่ ที่มีขนาดสูงสุด 30 ตารางเมตร และสามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ภายในห้องได้ที่ปริมาณ 250 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่สามารถจัดการกับกลิ่นต่าง ๆ เช่น กลิ่นบุหรี่ หรือกลิ่นอับบนเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังสามารถกรองแบคทีเรีย และสารที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายอื่น ๆ ได้อีกมากมายหลายชนิด แต่ก็มาพร้อมข้อเสียอีกหนึ่งข้อ คือ การใช้พลังงานที่ค่อนข้างสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ระดับนี้ อยู่พอสมควรเลยทีเดียวครับ
รุ่นนี้เป็นเครื่องฟอกอากาศ ที่ค่อนข้างมีขนาดใหญ่ และใช้ดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่าย จากวัสดุ ABS ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานสูง โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ขนาดพื้นที่การใช้งาน ที่สามารถใช้ได้ในพื้นที่สูงสุด 80 ตารางเมตร ทำให้สามารถใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างห้องประชุมในโรงแรม ห้องรับแขก หรือแม้แต่คอนโดหนึ่งห้องได้แบบสบาย ๆ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน และโหมดการใช้งานที่หลากหลาย สำหรับใช้งานในสถานที่และสถานการณ์ ที่แตกต่างกันออกไป ให้มีความเหมาะสมมากที่สุดได้อีกด้วยครับ
ในด้านของระบบการทำงาน ใช้งานเป็นระบบ 3D Senser สำหรับช่วยหมุนเวียนอากาศบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในห้อง โดยสามารถสั่งใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ 2 รูปแบบ ทั้งบนหน้าจอทัชสกรีน ที่ติดอยู่บนตัวเครื่อง และรีโมทคอนโทรลแบบไร้สาย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการใช้งานอีกมากมาย ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในระหว่างการใช้งาน เช่น ระบบตั้งเวลาสำหรับการนอน ระบบดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือการปรับระดับของแรงลม 5 ระดับ ให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ ที่คุณต้องการใช้งานมากที่สุด เป็นต้น
MITSUTA MAP450 เป็นรุ่นที่ผลิตจากวัสดุแบบ ABS โดยใช้ดีไซน์ในการออกแบบที่เรียบง่าย แต่ยังคงดูมีความคลาสสิคและทันสมัย สามารถกรองสารที่มีความละเอียด และความเข้มขนสูงได้อย่างมีประสิทธิภสพ ตั้งแต่สารเคมี แบคทีเรีย กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ไปจนถึงฝุ่น PM 2.5 ซึ่งแต่ละสิ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก หากเข้าสู่ปอดในปริมาณที่มากจนเกินไป นอกจากนี้ยังมาพร้อม Sleep Mode สำหรับควบคุมอากาศให้เหมาะสมในช่วงเวลากลางคืน โดยสามารถสั่งใช้งานฟังก์ชันดังกล่าว ผ่านทางหน้าจอทัชสกรีน ที่ติดมากับตัวเครื่องได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญยังสามารถเลือกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานที่ ที่คุณต้องการใช้งานได้อีกด้วยครับ
สำหรับรุ่นนี้นับเป็นรุ่น ที่มีความสามารถในการกรองอากาศค่อนข้างสูง โดยจะมีขั้นตอนในการกรอง ที่มากสุดถึง 6 ขั้นตอน หลังจากการเริ่มต้นการใช้งานของตัวเครื่อง โดยขั้นตอนทั้งหมดประกอบด้วย Pre-Filter ขั้นตอนแรกในการกรองสิ่งที่มีขนาดใหญ่ เช่น เส้นผมหรือขนสัตว์, True HEPA Filter กรองฝุ่นขนาดเล็ก ไรฝุ่น และสารที่อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้, Actived Carbon Filter ดูดซับสารเคมี และกลิ่นไม่พึงประสงค์, Zeolite Filter สำหรับดูดซับสารอินทรีย์ ที่มีอยู่ในแก๊สหุงต้ม, Cold Catalyst Filter ช่วยดูดซับสารอินทรีย์ ที่ระเหยได้ง่าย และ Ionizer สำหรับลดฝุ่นและแบคทีเรียในอากาศ ส่งผลให้อากาศที่ส่งออกมาค่อนข้างบริสุทธิ์ และมีความสดชื่นมากขึ้นกว่าปกติเป็นอย่างมาก
เครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ JOWSUA เครื่องนี้ ใช้ดีไซน์การออกแบบ ที่ค่อนข้างมีความล้ำสมัย และด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไป ทำให้สามารถติดตั้งได้ในทุกมุมของบ้านอย่างลงตัว และด้วยการใช้งานแผ่นกรองอากาศเป็นแบบ HEPA Filter ที่สามารถดักจับฝุ่นได้ขนาดเล็กสุดถึง 0.01 ไมครอน ส่งผลให้สามารถป้องกันปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังรองรับพื้นที่การใช้งานขนาด 30-50 ตารางเมตร ด้วยการผลิตอากาศบริสุทธิ์ที่ 240 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง โดยใช้กำลังไฟเพียง 35 วัตต์เท่านั้น ซึ่งค่อนข้างน้อย สำหรับการใช้งานในพื้นที่ ที่ใหญ่มากในระดับนี้ครับ
สำหรับการใช้งานจะเน้นไปที่ประสิทธิภาพในการควบคุม และกำจัดสารเคมีชนิดต่าง ๆ ที่อาจส่งผลเสียอย่างมากต่อร่างกาย เช่น สารฟาร์มาลดีไฮน์ และสารพิษชนิดอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษ ที่ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ไรฝุ่น และสารที่อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ ได้อย่างมีคุณภาพอีกด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อมฟังก์ชัน Anion Generator ซึ่งจะทำงานโดยการปล่อยประจุไฟฟ้าแบบลบออกมาภายในห้อง เพื่อให้ไปจับตัวกับฝุ่น ที่มีอนุภาคเล็กขนาด 0.01 ไมครอน ทำให้ฝุ่นมีน้ำหนักมากขึ้น และตกลงมาบนพื้น ส่งผลให้ไม่มีการลอยตัวอยู่ภายในระดับอากาศ ที่เรากำลังหายใจอยู่เลยแม้แต่น้อยครับ
ถึงแม้เครื่องฟอกอากาศ ที่มีวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันนี้ จะยังไม่ค่อยมีตัวเลือก ที่หลากหลายมากเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากอยู่พอสมควร สำหรับการตัดสินใจซื้อสินค้าประเภทนี้ จากระดับราคาและฟังก์ชันการใช้งาน ที่แตกต่างกันออกไป โดยทางเรามีข้อแนะนำหลัก ๆ สำหรับการเลือกซื้อให้คุณ ได้ลองพิจารณาในเบื้องต้น ดังนี้ครับ
เลือกจากขนาดของพื้นที่ในการใช้งาน
สิ่งแรกที่คุณจำเป็นต้องคำนึงถึงในการใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้ คือ ขนาดพื้นที่ภายในของสถานที่ ที่คุณต้องการนำไปใช้งาน ซึ่งสิ่งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับประสิทธิภาพการทำงานของอุปกณ์ชนิดนี้ เช่น หากคุณต้องการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่อย่างห้องประชุม หรือล็อบบี้ของโรงแรม รุ่นที่เหมาะสมก็อาจจะเป็น Tefal Pure Air Purifier ที่สามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้เป็นจำนวนมาก หรือหากคุณต้องการใช้งานงานในห้องนอน หรือใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็ก ก็อาจจะเลือกเป็น SHARP FP-J30TA ที่ใช้กำลังไฟฟ้าในการทำงานที่ลดลง ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าก็ลดลงตามไปด้วยเช่นกันครับ
เครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่น จะมีความสามารถในการผลิตอากาศ ที่แตกต่างกันออกไปตามแรงดันไฟฟ้า ซึ่งหากรุ่นที่คุณเลือกใช้งาน สามารถใช้งานแรงดันไฟฟ้าได้ในระดับที่สูงแล้ว ตัวเครื่องก็จะสามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ได้มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Hafele ECOM-087 และ Xiaomi Air Purifier 3H ที่สามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ได้มากกว่า 300 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งค่อนข้างมากหากเทียบกับรุ่นอื่น ๆ และถ้าหากคุณต้องการใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็กอย่างห้องนอน ก็อาจจะเลือกเป็น Worldtech WT-P40 ที่สามารถผลิตอากาศได้มากสุดถึง 250 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งนับว่าเพียงพอต่อการใช้งานในห้องระดับนี้ รวมไปถึงยังใช้พลังงานค่อนข้างต่ำ และมีเสียงที่เบากว่ารุ่นอื่น ๆ อยู่พอสมควรเลยทีเดียวครับ
โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้ มักจะเลือกเปิดใช้งานในณะที่กำลังนอนหลับ ทำให้มักจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ตัวนี้ไว้ภายในห้องนอน สำหรับการเปิดงานในช่วงเวลากลางคืนอยู่เสมอ ส่งผลให้เรื่องเสียงและความดัง ในระหว่างการเปิดใช้งานตัวเครื่อง ก็มีความสำคัญอย่างมากในการใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้ด้วยเช่นกัน ทำให้ในการเลือกซื้อสำหรับการใช้งานในห้องนอน คุณควรจะเลือกรุ่นที่มีค่าเสียงในระหว่างการใช้งานที่เบาที่สุดอย่าง SHARP FP-J30TA ซึ่งจะทำให้คุณสามารถหลับได้อย่างสบายมากขึ้น หรือหากต้องการใช้งานในที่กว้าง ก็อาจจะสามารถเลือกเป็นรุ่น Tefal Pure Air Purifier ที่ถึงแม้จะมีเสียงค่อนข้างดัง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลมากนักในห้องขนาดใหญ่ได้ด้วยเช่นกันครับ
ในปัจจุบันนี้มีผู้ใช้งานหลายคน ที่มักจะสงสัยเกี่ยวกับระยะเวลาการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดนี้ ว่าสามารถเปิดใช้งานได้นานแค่ไหนต่อหนึ่งรอบการใช้งาน ซึ่งโดยปกติแล้วอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานภายในครัวเรือน จะสามารถเปิดใช้งานได้อย่างยาวนานแทบจะตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว ทำให้คุณสามารถเปิดใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้ ได้ยาวนานตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องหยุดพักได้ด้วยเช่นกัน แต่ก็อาจจะต้องแลกมาด้วยค่าไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนไส้กรอง ที่จะเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าปกติ นอกจากนี้อาจจะทำให้อายุการใช้งานของเครื่องฟอกอากาศบางรุ่น มีอายุการใช้งานที่สั้นลงกว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก ได้ด้วยเช่นกันครับ
สำหรับการยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด จะสามารถทำได้โดยการดูแลรักษาอุปกรณ์ชนิดนั้น ให้มีความพร้อมในการใช้งานอยู่เสมอ โดยความยากง่ายในการดูแลรักษาเครื่องฟอกอากาศ จะแตกต่างกันไปตามจำนวนแผ่นกรอง ที่ใส่มาให้ภายในตัวเครื่อง ซึ่งถ้าหากรุ่นนั้น ๆ มีแผ่นกรองอยู่หลายชั้นอย่าง MITSUTA MAP450 หรือ Tefal Pure Air Purifier ก็จะสามารถกรองอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นอื่น ๆ แต่ก็ทำให้การดูแลรักษาค่อนข้างมีความยุ่งยาก และสามารถทำได้ลำบากมากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนไส้กรอง ที่สูงขึ้นตามมาด้วยเช่นกันครับ
เครื่องฟอกอากาศเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ ที่จำเป็นอย่างมาก สำหรับการหามาใช้งานในช่วงเวลานี้ เนื่องจากในปัจจุบันมีปัญหามลภาวะทางอากาศมากมาย ที่เกิดขึ้นในโลกของเรา โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นจากก๊าซคาร์บอนโมโนออกไซด์ จากการคมนาคมขนส่ง หรือการเดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งส่งผลเสียอย่างมากต่อสุขภาพร่างกายของคุณ นอกจากนี้อุปกรณ์ดังกล่าวยังสามารถช่วยให้คุณ สามารถนอนหลับได้ดียิ่งขึ้นในเวลากลางคืน และแก้ไขปัญหานอนหลับยากของผู้ใช้งานหลายคนได้อีกด้วย โดยจากข้อดีทั้งหมดเหล่านี้ ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอ ในการลงทุนซื้ออุปกรณ์ตัวนี้ มาติดตั้งไว้ใช้งานภายในบ้านของคุณเองแล้วครับ
สำหรับการเลือกซื้อสินค้าประเภทนี้ ก็มีหลายสิ่งที่คุณจะควรพิจารณาให้ถี่ถ้วน เริ่มต้นตั้งแต่ขนาดของพื้นที่ ความสามารถในการผลิตอากาศ รวมไปจนถึงค่าของเสียง ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เปิดใช้งาน และจากการที่อุปกรณ์ชนิดนี้ มีราคาที่ไม่ได้สูงมากนักในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ผลิตหลายราย จะต้องแข่งขันกันทางด้านประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าของตัวสินค้ามากขึ้น ซึ่งก็ทำให้การตัดสินใจของคุณเอง ก็สามารถทำได้ยากมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาถึงความคุ้มค่า ราคา หรือสิ่งที่คุณต้องการจากตัวสินค้า อย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ทางเราเชื่อว่าคุณจะสามารถเลือกซื้อรุ่น ที่มีความเหมาะสมกับการใช้งานของคุณ และคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่เสียไป ได้มากที่สุดอย่างแน่นอนครับ
Leave A Comment